คอลัมน์ มหัศจรรย์การ์ตูน
โดย วินิทรา นวลละออง
เป็นการกลับมาที่ตื่นตาตื่นใจเหลือเกินค่ะ สำหรับนักอ่านการ์ตูนที่อายุเกิน 30 ปี รับรองว่าไม่มีใครไม่รู้จักชื่อ "คอบร้า เห่าไฟสายฟ้า" และปืนพลังจิตไซโคกันที่มือซ้ายของเขา นอกเหนือจากการเป็นสลัดอวกาศฝีมือเยี่ยมแล้ว ความเจ้าชู้ประตูดินและรูปหล่อขี้เล่นของคอบร้ายังเป็นที่กล่าวขานจนกลายเป็นตำนานสายลับนักรักแห่งยุคเรืองรองของการ์ตูนไซไฟ และปี 2008 ก็ครบรอบ 30 ปีของคอบร้าฉบับหนังสือการ์ตูนซึ่งเขียนโดยบูอิจิ เทราซาว่าเมื่อปี 1978 โปรเจกต์ย้อนยุคของคอบร้าจึงยิ่งใหญ่และไม่ผิดหวังจริงๆ ค่ะ
โปรเจ็คต์ Cobra The Animation ฉลอง 30 ปีมีการแถลงข่าวเป็นระยะตั้งแต่ต้นปี 2008 โดยแรกสุดมีข่าวว่าฮอลลีวู้ดจะนำคอบร้าไปดัดแปลงเป็นภาพยนตร์โดยไม่อิงเนื้อเรื่องเดิม ไม่แน่ใจว่าเรื่องนี้ดำเนินการไปถึงขั้นใดแล้ว แต่ระหว่างรอก็มีแอนิเมชั่นปล่อยออกมาให้แฟนๆ หายคิดถึงค่ะ เริ่มต้นจาก The Psycho Gun ซึ่งจะเป็นแอนิเมชันชุดแรกสุดของเทศกาลนี้ ประกอบด้วย OAV (Original Animation Video คือจำหน่ายตามร้านโดยไม่ฉายทางโทรทัศน์) จำนวน 4 ตอน วางจำหน่ายครั้งแรกวันที่ 29 เดือนสิงหาคมที่ผ่านมาและมีกำหนดออกจำหน่ายเดือนเว้นเดือนจนกว่าจะครบ เปิดตัวครั้งแรก 28 ส.ค.51 ก็ทำยอดขายติดอันดับ 10 ในท็อปเท็นชาร์ต DVD การ์ตูนในญี่ปุ่นอย่างรวดเร็ว นับว่ากระแสแรงใช้ได้ โปรเจ็คต์วิดีโอต่อมาคือ Time Drive และปิดท้ายด้วยแอนิเมชั่น 13 ตอนจบฉายทางโทรทัศน์ Rokunin no Yoshi (The Six Heroes) ซึ่งจะเริ่มฉายในฤดูใบไม้ผลิปี 2009 นอกจากนั้นเมื่อกลางปีที่ผ่านมาทางค่าย Urban Vision ก็ปล่อยคอบร้าดั้งเดิมฉบับจัดทำเมื่อปี 1982 ออกจำหน่ายในอเมริกาเหนือเพื่อสร้างกระแสไปแล้วค่ะ
ย้อนกลับมาที่ The Psycho Gun ซึ่งเพิ่งได้ดูไปแค่ 2 ตอนแต่ก็น่าประทับใจอย่างเหลือเชื่อ งานนี้ต้องยกนิ้วให้ผู้กำกับโอซามุ เดซากิ ซึ่งเคยกำกับคอบร้าฉบับดั้งเดิมมาก่อนและผ่านงานย้อนยุคอย่าง Golgo13 หรือ Black Jack มาแล้ว ในอดีตเขายังกำกับแอนิเมชันคลาสสิคอย่างกุหลาบแวร์ซายส์และบรรดาการ์ตูนที่ถือเป็นตัวแทนของยุค 70s ยุคทองของการ์ตูนมากมาย ผลงานของเขาจึงกรุ่นด้วยกลิ่นเรโทรที่ทรงคุณค่าสำหรับแฟนการ์ตูนยุคโบราณค่ะ (ยิ่งพูดก็ยิ่งรู้สึกว่าเราแก่จริงๆ)
เรื่องเริ่มขึ้นจาก Gipsy Doc วายร้ายแห่งอวกาศบุกเข้าไปในพิพิธภัณฑ์และตามล่าตัวโปรเฟสเซอร์ยูโทเปีย มอร์ สาวงามผู้กำลังวิจัยความลับของกำเนิดโลกผ่านทางฟอสซิลแอมโมไนท์ยุคดึกดำบรรพ์ แต่โชคดีที่คอบบร้าผ่านไปขโมยอัญมณีแถวนั้นพอดี จึงช่วยโปรเฟสเซอร์สาวงามออกมาโดยไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรด้วยเลย เห็นคนสวยก็ต้องช่วยไว้ก่อน...นั่นก็ส่วนหนึ่ง แต่รู้สึกว่าวายร้ายที่บุกไปหาโปรเฟสเซอร์จะเป็นโจทก์เก่าของคอบร้าเสียด้วยค่ะ คุ้นๆ ว่าจะอยู่ในกลุ่มโจรสลัดกิลด์ แต่ก็นานจนจำแทบไม่ได้แล้วค่ะ
"เลดี้ อาร์มารอยด์" แอนดรอยส์สาวสหายคู่ใจของคอบบร้าสะกิดใจกับความสำคัญของหอยทากโบราณว่าเหตุใดจึงเป็นที่ต้องการมากขนาดนั้น ทั้งคู่จึงติดตามโปรเฟสเซอร์ยูโทเปียไปยังดาวอังคารและเข้าร่วมปฏิบัติการตามหาหอยทากโบราณเพื่อค้นหาความลับนี้ค่ะ ที่นั่นเอง ศัตรูสุดคลาสสิคตลอดการของคอบร้าก็ปรากฏตัวขึ้น เขาคือ "คริสตัล บอย" ชายหนุ่มที่มีโครงกระดูกทองคำและผิวกายเป็นคริสตัล เห็นปุ๊บทราบทันทีค่ะว่าพลังในการออกแบบของบุอิจิ เทราซาว่าถือเป็นระดับเกจิในวงการการ์ตูนไซไฟของญี่ปุ่นแน่นอน ไม่แน่ใจว่าคริสตัล บอยมาปฏิบัติการล่าหอยทากด้วยหรือเปล่า แต่ที่แน่ๆ คือทั้งคอบร้าและโปรเฟสเซอร์ยูโทเปียก็ต้องหนีกันอีกรอบ
เป็นผลงานที่ชวนให้ระลึกถึงมากเลยค่ะ ความสามารถของคอมพิวเตอร์กราฟิค 3D ทำให้เมื่อ 30 ปีผ่านไป ผลงานชิ้นนี้ได้ถูกสร้างให้ดีใกล้เคียงกับจินตนาการเข้าไปทุกขณะ แต่สาเหตุที่ควรห้อยป้าย 18+ ไว้เพื่อป้องกันเด็กเล็กๆ เข้ามาดูเนื่องจากสาวงามในเรื่องนี้แต่งกายด้วยชุดที่เหมือนใช้ผ้าจากผ้าเช็ดหน้าผืนเดียวมาตัดค่ะ แฮ่ม...ที่จริงก็ดูเจริญตาเจริญใจกับก้นและหน้าอกงามๆ หรอกนะคะ แต่เยาวชนไม่ต้องรีบสร้างจินตนาการจากแรงดึงดูดทางเพศเหล่านี้นักก็ได้
Cobra คืองาน Sexy sci-fi ที่จงใจขายหนุ่มใหญ่นะคะ กลุ่มสิทธิสตรีดูแล้วคงของขึ้นเนื่องจากผู้หญิงในเรื่องถูกใช้เป็น material หรือวัสดุอุปกรณ์เสียมากกว่า สิ่งที่ทำให้ผู้ชายสยบได้คือความสวยและมีเสน่ห์ ในระหว่างผู้หญิงที่ดีและได้รับยกย่อยจากความสามารถอย่างแท้จริงกลับกลายเป็นแอนดรอยด์อย่างเลดี้ซึ่งไม่ใช่มนุษย์
อย่างไรก็ตาม Cobra คือผลงานของยุคสมัยที่อยู่เหนือกาลเวลาและเป็นแรงบันดาลใจให้ชนรุ่นหลังสร้างงานที่ยิ่งใหญ่กว่านี้ขึ้นมาเพื่อเป็นประวัติศาสตร์อีกหน้าหนึ่งเช่นกันค่ะ
วันที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2552 ปีที่ 32 ฉบับที่ 11264 มติชนรายวัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น