22 มิถุนายน 2551

อิคิงามิ 2 : บางทีมนุษย์ก็ต้องเสียสละบ้าง


คอลัมน์ มหัศจรรย์การ์ตูน
โดย วินิทรา นวลละออง

เมื่อวานนี้นั่งตรวจผู้ป่วยอยู่ตามปกติค่ะ แต่เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น จู่ๆ ผู้ป่วยก็ลุกขึ้นมาอาละวาดตะโกน ญาติที่พามาก็ตัวเล็กๆ ไม่สามารถห้ามผู้ป่วยได้ ความที่ได้รับการสอนมาว่าต้องระมัดระวังตัวเสมอจึงหลบออกทางหลังห้องตรวจอย่างรวดเร็วค่ะ แต่ผู้ป่วยก็ตรงดิ่งเข้ามาจนขนาดเราถอยหนีไปจะสุดกำแพงก็ยังตามมา!

วินาทีสั้นๆ ตอนนั้นคิดแล้วค่ะว่าต้องโดนซักหมัดแน่ๆ หลบอย่างไรก็ไม่พ้น เสียดายชีวิตจริงๆ อุตส่าห์เป็นจิตแพทย์มาหลายปี ระวังตัวเสมอและคิดว่าน่าจะได้เป็นหมออีกนาน ยังไม่ทันได้ดูแลพ่อแม่เลย...แต่สงสัยต้องมาตายวันนี้เสียแล้ว (คิดไปถึงขนาดนั้น สถานการณ์จริงไม่ได้น่ากลัวขนาดนี้หรอกค่ะ)

ไม่น่าเชื่อว่าไม่กี่วินาทีสั้นๆ หลายสิ่งหลายอย่างประดังเข้ามาพร้อมๆ กันเลยค่ะ และคิดว่าถ้าเรามีเวลาอีกซักนิดก่อนตายคงจะทำอะไรได้เยอะ

เช่นเดียวกับ "อิคิงามิ" การ์ตูนที่กระแทกหัวใจหลายๆ คน และกำลังจะสร้างเป็นภาพยนตร์ในญี่ปุ่น ว่าด้วยประเทศญี่ปุ่นในยุคที่ผู้คนขาดความกระตือรือร้น รัฐบาลจึงบังคับให้เด็กทุกคนฉีดวัคซีน ซึ่ง 1 ใน 1,000 เข็มจะมีระเบิดซ่อนอยู่และถูกตั้งเวลาไว้แล้วว่าจะระเบิดตอนไหน เพื่อให้เด็กทุกคนพยายามใช้ชีวิตอย่างเต็มที่เนื่องจากไม่รู้ว่าเราจะแจ๊คพ็อตเป็นคนโดนระเบิดหรือเปล่า ดังนั้น 24 ชั่วโมงก่อนระเบิดทำงานซึ่งหมายถึงว่าคนคนนั้นต้องตาย เขาจะได้รับ "อิคิงามิ" หรือจดหมายแจ้งเพื่อให้ทำสิ่งที่ปรารถนาในช่วงเวลาไม่กี่ชั่วโมงสุดท้ายของชีวิต

"ทาเคบะ โชจิ" เด็กหนุ่มที่ไม่เคยมีความภูมิใจใดๆ เลยในชีวิตได้รับอิคิงามิค่ะ ตั้งแต่ยังเล็ก เขาเป็นเด็กหัวไม่ดี ทำอะไรก็ไม่เอาไหน แม้ปัจจุบันทำงานเป็นผู้ดูแลผู้สูงอายุในบ้านพักคนชราก็ยังทำงานผิดพลาด มีเพียงคุณย่าของเขาที่บอกว่า "ถึงหลานจะเรียนไม่เก่งก็ยังมีข้อดีอีกมากนะ" คำพูดนี้ทำให้เขายังมีความภูมิใจในความธรรมดาของตัวเองเหลืออยู่บ้าง

หลังได้รับอิคิงามิ โชจิทำใจไม่ได้ เขาต้องเข้ารับการบำบัดและตั้งสติได้ในที่สุดว่าสิ่งที่ต้องทำในช่วงเวลาไม่กี่ชั่วโมงที่เหลือไม่ใช่นั่งเสียใจ แต่ต้องทิ้งอะไรไว้ให้คนที่มีชีวิตอยู่ระลึกถึงตัวเขาบ้าง และสิ่งนั้นจะทำให้ความตายของเขาเปลี่ยนเป็นการมีชีวิตในหัวใจผู้อื่นนิรันดร์

เมื่อโชจิตั้งสติได้แล้วจึงไปล่ำลาเพื่อนร่วมงาน เขาได้พบคุณยายที่ดูแลอยู่ คุณยายท่านนี้ไม่ยอมเดินเพราะเป็นโรคสมองเสื่อมจนความทรงจำย้อนกลับไปสมัยยังสาวๆ ที่สามีต้องไปออกรบและเสียชีวิตในสงคราม คุณยายเสียใจมากที่สามีทิ้งเธอไปรบ โกรธประเทศชาติที่พรากครอบครัวอันเป็นที่รัก จึงกลายเป็นไม่ยอมเดินเพราะจำได้ว่าตอนที่ขาเจ็บ สามีจะช่วยประคอง หากเธอไม่เดินเองสามีก็คงไม่ไปรบและกลับมาจากสงครามเพื่อช่วยประคองเช่นกันหลังจากโชจิล่ำลาทุกคนไม่นาน คุณยายก็หนีออกจากบ้านพักและล้มลงในนาข้าว ไม่ยอมลุกขึ้นยืนด้วยตัวเองอีกเลย ครั้งนี้โชจิไม่เข้าไปช่วย เขายื่นอิคิงามิให้ดูเช่นเดียวกับเมื่อครั้งที่สามียื่นใบเกณฑ์ทหารให้ดู

"เพื่อชาติน่ะ หัดอดทนซะบ้างสิ!"

ใช่ว่าสามีของคุณยายจะไม่รักครอบครัวจึงทอดทิ้งไปสนามรบ แต่เพราะรักจึงต้องยอมไปเป็นกำลังต่อสู้ร่วมกับเพื่อนร่วมชาติอีกหลายคนแม้จะรู้ว่าคงไม่รอดกลับมาก็ตาม เขาเสียสละเพื่อชาติได้แม้ชีวิต ดังนั้น คุณยายก็ต้องเสียสละลุกขึ้นยืนด้วยตนเองและปกป้องครอบครัวที่เหลืออยู่ให้ได้เช่นกัน

ภารกิจตายตามอิคิงามิของโชจิก็ถือเป็นการช่วยชาติทางหนึ่ง (ในการ์ตูนนะคะ เขาเปรียบเทียบ อย่าไปอินมาก) ต่างกันแค่ยุคสมัยแต่ยังคงความหมายของการเสียสละเพื่อชาติไม่เปลี่ยนแปลง ในที่สุดโชจิก็จากไปอย่างสงบท่ามกลางครอบครัวและคุณยายก็ลุกขึ้นยืนด้วยตัวเองเพราะโชจิ เขาได้ทำสิ่งเล็กๆ ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตเท่าที่มนุษย์ธรรมดาจะทำได้แล้ว ไม่ได้ตีอกชกตัวเรียกร้องให้ประเทศชาติทำอะไรเพื่อเขาบ้าง เขาคิดแค่ว่าได้ทำดีที่สุดเพื่อคนอื่นเท่าที่กำลังและเวลาของตนจะมีก็พอแล้ว

ย้อนกลับมาที่จิตแพทย์ผู้รอดพ้นจากการโดนชกและมานั่งเขียนคอลัมน์ต่อได้ค่ะ ในระหว่างที่ยังตื่นกลัวจนแทบอยากเลิกอาชีพนี้ พออ่านอิคิงามิจบถึงกับร้องไห้เลยค่ะ

"บางทีมนุษย์ก็ต้องเสียสละบ้าง" คือคำที่ผุดขึ้นมา เราร่ำเรียนด้วยทุนรัฐบาลซึ่งมาจากภาษีของประชาชนเพื่อเป็นจิตแพทย์ เราไม่ทำแล้วใครจะทำ ไม่ตอบแทนประชาชนแล้วจะตอบแทนใคร...สติถึงกลับมาอีกครั้ง ตอบตัวเองได้ว่าจิตแพทย์ไม่ใช่อาชีพเสี่ยงตาย เพราะได้มีการเตรียมพร้อมรับมืออย่างดีเราถึงรอดมาได้ไม่ใช่หรอกเหรอ จะว่าไปกระทั่งคนนั่งมอเตอร์ไซค์ก็เสี่ยงตายแต่เขาก็ระมัดระวังเตรียมพร้อมถึงยังยอมขี่ต่อไปนี่นา

ต้องขอบคุณอิคิงามิและโชจิที่ทำให้รู้สึกรักและภูมิใจในอาชีพของตัวเองมากขึ้นค่ะ

ได้มองเห็นว่าแท้จริงแล้วไม่มีมนุษย์คนใดที่ไม่ต้องเสียสละ อย่างน้อยระหว่างที่ยังมีชีวิต เราก็ควรตอบแทนผู้อื่นให้มากที่สุดเท่าที่กำลังของตัวเองจะสนับสนุนได้ แบบนี้จึงจะพูดได้เต็มปากว่าไม่เสียทีที่เกิดมาชาตินี้

จากหนังสือพิมพ์มติชนรายวันฉบับวันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2551 ปีที่ 31 ฉบับที่ 11054

สู้..สู้ ..!!! และสู้..ต่อไป ในภารกิจเพื่อพิทักษ์ ประชาชน และจักรวาล..!!!


ชมIkigamiจากYouTube

1 ความคิดเห็น:

somweed กล่าวว่า...

ติดตามอ่านเรื่องนี้เหมือนกันคะ ชอบมุมของเรื่องนี้มาก เหมือนว่ามนุษย์เราถ้าทำวันนี้ให้ดีที่สุดให้ได้ในทุกๆวันก็คงจะดีนะคะ .. แวะมาทักทายค่ะ ^_^