22 มิถุนายน 2551

Saint Seiya The Lost Canvasเทรนด์ใหม่ของเหล่าเซนต์แห่งอาธีน่า


คอลัมน์ มหัศจรรย์การ์ตูน
โดย วินิทรา นวลละออง

นอกจากดราก้อนบอลล์แล้ว การ์ตูนมหากาพย์ที่สร้างภาคต่อ ภาคคู่ขนาน และสารพัดของเล่นออกมาได้ยาวนานที่สุดคงไม่พ้น "เซนต์เซย่า" ค่ะ โดยส่วนตัวชอบเรื่องนี้มากมาตั้งแต่เด็ก สาเหตุหลักๆ ตามประสาเด็กผู้หญิงคือ "ตัวละครหน้าตาดี" ค่ะ

แต่เมื่อเวลาผ่านไป แฟนดั้งเดิมเริ่มอายุมากขึ้นและใช้สมองดูการ์ตูนมากขึ้น โครงเรื่องดั้งเดิมซึ่งมีเพียงนักรบชุดเกราะสู้กันเพื่อปกป้องเทพีอาธีน่าเริ่มถอยกลับไปสู่จุดเริ่มต้น และขยายความสัมพันธ์ของตัวละครแต่ละคนให้มีมิติและซับซ้อนยิ่งขึ้น ดราม่าตรึงใจจึงกลายเป็นจุดขายใหม่ของเซนต์เซย่าภาคหลังๆ ในระหว่างที่ยังคงฉากแอ๊คชั่นสุดงามและชุดเกราะอลังการไว้รับตลาดเด็กเช่นเดิม

The Lost Canvas คือเซนต์เซย่าภาคล่าสุดที่ตีพิมพ์ในประเทศไทยค่ะ (1 ปีหลังจากเริ่มตีพิมพ์ในญี่ปุ่น นับว่าเร็วพอดู) เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับตำนานการต่อสู้ระหว่างนักรบฝั่งอาธีน่ากับฮาเดสเป็นหลัก หนังสือการ์ตูนเริ่มตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อเดือนสิงหาคมปี 2006 ในประเทศญี่ปุ่น และสร้างกระแสฮือฮาอย่างแรงไปทั่วดินแดนที่เป็นเมืองขึ้นของเซนต์เซย่า (ฮ่องกง, อิตาลี, ฝรั่งเศส, บราซิล ฯลฯ) ทำให้หาข้อมูลเป็นภาษาอังกฤษยากมากๆ ค่ะที่ได้นี่ก็แปลมาจากภาษาโปรตุเกส, ภาษาฝรั่งเศส, ภาษาอิตาลี และภาษาจีนในภาคนี้ตัวละครหลายตัวมีใบหน้าละม้ายคล้ายยุคแซงจูอารี่ 12 ปราสาท บุคลิกก็แสนจะเหมือน แต่ดูชื่อและอายุแล้วไม่ใช่ค่ะเพราะเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในยุคที่ผู้เฒ่าลิบร้า โดโค ยังหนุ่มแน่นอยู่ (ภาคของเซย่านั้นปู่อายุปาไปเป็นร้อยปีแล้ว)

"เทมมะ" เด็กหนุ่มเชื้อสายญี่ปุ่นอาศัยอยู่ในเมืองทางยุโรปแห่งหนึ่ง เขาเป็นเด็กกำพร้าแต่ความที่มีพละกำลังแข็งแกร่งจึงพึ่งพาเรื่องชกต่อยได้เสมอ เทมมะมีเพื่อนสนิทแสนเรียบร้อยและรักการวาดภาพ "อาโรน" ความสะอาดบริสุทธิ์ของอาโรนทำให้เขากลายมาเป็นร่างจุติของจ้าวแห่งนรก "ฮาเดส"

ต่อมาโดโคเห็นความสามารถของเทมมะจึงได้ทาบทามไปเป็นเซนต์ผู้ปกป้องอาธีน่า ซึ่งในที่สุดเขาก็ได้พบว่าเด็กผู้หญิงที่เติบโตมาจากบ้านเด็กกำพร้าแห่งเดียวกัน "ซาชา" ซึ่งมีผู้รับไปดูแลคือเทพีอาธีน่าในชาตินี้นั่นเองคำสาปของฮาเดสเริ่มหมุนตามเข็มนาฬิกาเมื่อภาพวาดของอาโรนทำให้สิ่งมีชีวิตในภาพต้องตาย ไม่ว่าจะเป็นต้นไม้ สัตว์ หรือแม้แต่คน สีสันงดงามเหลือเพียงสีเทาแห่งความตาย และในตอนที่สิ้นหวังกับความสามารถประหลาดของตัวเอง "แพนโดร่า" ก็ปรากฏกายขึ้น เชื้อเชิญให้อาโรนรับรู้ถึงสีสันที่แท้จริงของชีวิต สวรรค์ที่แท้จริงของเหล่าวิญญาณ และดินแดนที่ควรถือครองโลกมนุษย์นี้ นั่นคือดินแดนแห่งความตายนั่นเองบทบาทของอาโรนในฐานะฮาเดสผู้ปลดปล่อยดวงวิญญาณของมนุษย์ด้วยความตายจึงเริ่มขึ้นพร้อมๆ กับการหันหน้าสู้กับเทมมะและซาชาเนื้อเรื่องในภาค The Lost Canvas ยังคงประพันธ์โดย อ.คุรุมาดะ มาซามิ ผู้ประพันธ์ดั้งเดิมค่ะ แต่งานภาพมอบให้เทชิโรงิ ชิโอริ วาดแทน เข้าเทรนด์การ์ตูนไร้พรมแดนให้ผู้หญิงมาวาดการ์ตูนผู้ชายจริงๆ ค่ะ และผลลัพธ์ก็เป็นไปตามคาด แฟนๆ ของเซนต์เซย่าส่วนใหญ่ชื่นชมภาค The Lost Canvas ในหลายๆ เรื่อง ตั้งแต่เนื้อเรื่องซึ่งทุกบทวิจารณ์เห็นด้วยว่า "ดราม่า" อย่างยิ่ง เต็มไปด้วยความสัมพันธ์ลึกซึ้ง อารมณ์ของตัวละครมากมาย และหลายฉากที่เชื่อว่าอ่านแล้วต้องหลั่งน้ำตา (โดยเฉพาะการจากไปของบรรดาโกลด์เซนต์)

ในด้านงานภาพ แม้ลายเส้นจะเห็นได้ชัดว่าติดแนวการ์ตูนผู้หญิง แต่ความสมดุลของหน้าตาท่าทางที่ไม่ตุ้งติ้งเกินงาม กับชุดเกราะที่ใช้เทคนิคลงเงากับสกรีนโทนเบอร์เดียวกับภาคก่อนๆ ทำให้รู้สึกไม่ขัดเขินกับการอ่านภาคนี้เท่าใดนัก ออกจะชินตาและง่ายต่อการยอมรับด้วยค่ะโดยส่วนตัวตอนอ่าน Episode G ก็รู้สึกอึ้งทึ่งเสียวกับลุคใหม่ของเซนต์เซย่าพอสมควร แม้ฉากแอ๊คชั่นจะมันสุดขีดแต่ความแวววาวของเกราะก็ทำให้ต้องหยุดพักสายตาเป็นระยะ ในระหว่างที่อ่าน The Lost Canvas รู้สึก "ชอบมาก" เลยค่ะ อาจจะเป็นเพราะรอคอยดราม่าของเรื่องนี้มานานแล้ว

อ่านแต่บรรดา fan fiction (นิยายที่บรรดาแฟนๆ แต่งเองเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการ์ตูนที่ชอบ) จนแทบจะเลิกหวังว่าจะได้เห็นภาคที่เต็มเปี่ยมด้วยอารมณ์จากเรื่องนี้ แต่ในที่สุด The Lost Canvas ก็ทำให้ฝันเป็นจริงแนะนำให้อ่านเลยค่ะ ไม่บ่อยนักที่เราจะเห็นการประสานกันของการ์ตูนยุคโชเนนบูมกับยุคเพศไร้พรมแดนได้อย่างลงตัวแบบนี้ ต้องปรบมือให้ทีมผู้จัดทำจริงๆ ค่ะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น