คอลัมน์ มหัศจรรย์การ์ตูน
โดย วินิทรา นวลละออง
ไม่บ่อยนักที่เราจะเห็นการ์ตูนเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงที่เป็นสัตว์เลี้ยงจริงๆ ไม่ใช่สัตว์เลี้ยงที่มีชีวิตจิตใจอย่างการ์ฟิลด์ซึ่งเป็นการนำเสนอมุมมองของมนุษย์ผ่านสัตว์เลี้ยงค่ะ โดยส่วนตัวไม่ได้เลี้ยงสัตว์แบบชาวบ้านอย่างสุนัข แมว หรือนก แต่เลี้ยงเต่า กินง่าย เลี้ยงง่าย และน่ารักด้วยค่ะ
แม้จะเคยเห็นหลายคนเลี้ยงสุนัขแล้วดูแลเป็นอย่างดี แต่ประสบการณ์ไม่ดีที่เห็นคนเลี้ยงสุนัขก็มีมากเสียจนขยาด ตั้งแต่คนแถวบ้านจูงสุนัขมาแล้วให้ถ่ายตรงพื้นที่สาธารณะข้างบ้านเรา หรือเลี้ยงไม่ไหวก็แอบเอามาปล่อยทั้งที่ปลอกคอยังติดอยู่ ดูแล้วก็รู้สึกโกรธว่าทำไมเขาเลี้ยงแล้วไม่ตั้งใจดูแลดีๆ ปล่อยให้สัตว์เลี้ยงของตัวเองเป็นภาระให้คนอื่น
บ่นๆ เรื่องเจ้าของไม่รับผิดชอบสักนิด แต่ที่จริงคนที่รักและดูแลสัตว์เลี้ยงเหมือนลูกแท้ๆ ก็มีมากเหมือนกัน (เชื่อว่ามากกว่าเจ้าของที่เลี้ยงทิ้งเลี้ยงขว้าง) โดยเฉพาะในประเทศญี่ปุ่นซึ่งจะทิ้งขว้าง ปล่อยให้สร้างความเดือดร้อนหรือเลี้ยงไม่ไหวก็ปล่อยวัดแบบคนไทยไม่ได้ มาแอบดูเขาเลี้ยงสุนัขในการ์ตูนเรื่องนี้ดีกว่าค่ะ
"5 + โฮ่ง = 6" คือการ์ตูนสัตว์เลี้ยงที่อ่านแล้วเกิดอาการ "เข้าถึง" อย่างประหลาด ตัวเอกของเรื่องนี้คือลูกสุนัขชื่อ "โรคุ" (แปลว่า 6) เพราะเป็นสมาชิกลำดับที่หกของครอบครัว โรคุถูกนำมาทิ้งไว้หน้าบ้านของครอบครัวคาวาระซึกะซึ่งทำธุรกิจขายหินประดับ ห้าคนในบ้านประกอบด้วยคุณตาแสนดุและคุณยายใจดี คุณพ่อเขยแต่งเข้าบ้านท่าทางไม่แข็งแรง แต่ก็ยังช่วยดูแลกิจการขายหินกับคุณแม่ลูกสาวของบ้านนี้ ลูกสาวคนเดียวซึ่งเป็นคนพบโรคุชื่อโคโตมิค่ะ
โคโตมิยังเป็นเด็กประถมและอยากได้ลูกสุนัขมากๆ เพราะเธอเคยเห็นสุนัขของเพื่อนทั้งเชื่องและน่ารัก แต่เสียดายที่คุณตาไม่เห็นด้วย ถึงอย่างนั้นสมาชิกคนอื่นๆ ในครอบครัวก็ยังเอ็นดูโรคุอยู่มาก ปัญหาสำคัญคือโรคุ "มองแทบไม่เห็น" เนื่องจากมีปัญหาที่เรติน่าแต่กำเนิด ดังนั้น ความหวังของโคโตมิที่จะพาโรคุออกไปวิ่งเล่นนอกบ้าน โยนลูกบอลแล้วให้วิ่งไปเก็บจึงไม่มีทางเป็นไปได้
สัตวแพทย์ที่ตรวจโรคุก็ทราบถึงความคาดหวังของเด็กๆ ได้ดี เขาเสนอทางช่วยให้โรคุไปสบายโดยไม่เป็นภาระให้คนอื่นๆ พูดง่ายๆ คือ ฉีดยาให้เสียชีวิตนะค่ะ แต่สุดท้ายคุณพ่อก็ตัดสินใจเลี้ยงโรคุไว้ เพราะเขาไม่คิดว่าโรคุเป็นสัตว์เลี้ยงของเล่นเอาไว้ดูน่ารักเพลินๆ แต่โรคุเป็นสมาชิกคนที่ 6 ของบ้านที่ควรได้รับการเอาใจใส่เหมือนเป็นลูกคนหนึ่ง ซาบซึ้งค่ะ แต่นี่แค่การเริ่มต้นของอุปสรรคอีกเป็นกระบุง
การมองไม่เห็นของโรคุส่งผลให้โคโตมิจังเรียกเท่าไหร่มันก็ไม่ยอมเดิน อึฉี่ก็ไม่เป็นที่เพราะไม่รู้ว่าห้องน้ำอยู่ไหน เดินชนข้าวของทั่วบ้านจนต้องเอาฟองน้ำบุขาโต๊ะเก้าอี้ไว้ทั่ว แถมไม่ระวังให้ดีก็เดินตกพื้นต่างระดับจนเจ็บตัว ขึ้นบันไดก็ไม่ได้เพราะกะระยะไม่ถูก ยิ่งอ่านยิ่งเศร้าแทนค่ะ แม้จะรู้ว่าไม่ใช่ความผิดของโรคุแต่ก็รู้สึกสงสารทุกคนในบ้านคาวาระซึกะขึ้นมาจับใจ เพราะต้องคอยห่วงคอยระวังทุกฝีก้าวของโรคุจนแทบไม่ได้ทำอย่างอื่น
แต่โรคุเป็นสุนัขฉลาด เพียงไม่นานหลังพยายามฝึกฝนก็สามารถจำกลิ่นคนในบ้านได้ จำสถานที่ตั้งของเฟอร์นิเจอร์ได้และไม่เดินชนอีก ที่สำคัญคือโรคุเองไม่เคยยอมแพ้และกลัวจนนอนอยู่เฉยๆ มันยังคงวิ่งและยอมเจ็บตัวทดลองหลายสิ่งหลายอย่างตามประสาสุนัขและเรียนรู้ให้มากที่สุด ผลคือทุกคนในบ้านยิ่งรักและผูกพันกับโรคุมากขึ้นค่ะ ไม่จำเป็นต้องวิ่งเล่นเก็บบอลเหมือนสุนัขทั่วๆ ไป และไม่จำเป็นต้องเป็นสุนัขชั้นเลิศที่เก่งกาจทุกอย่าง แต่แค่โรคุเป็นหนึ่งในสมาชิกของบ้านก็เพียงพอที่จะได้รับความรักแล้วค่ะ
อ่านจบแล้ววิ่งไปดูเจ้า "แสบแสบ" เต่าญี่ปุ่นที่บ้านเลยค่ะ เลี้ยงไว้ตั้งแต่ตัวเท่าเหรียญสิบจนตอนนี้ใหญ่เท่าฝ่ามือแล้ว ยิ่งดูก็ยิ่งน่ารัก ถึงเวลาอาหารทีไรก็จะยืดคอแล้วพยายามปีนกะละมังทักทายทุกทีค่ะ ว่างเมื่อไรเป็นได้ปีนหินขึ้นมานอนอาบแดด แม้จะคุยกันไม่รู้เรื่องหรือเอามากอดไม่ได้ (เดี๋ยวเปียก) แต่สัตว์เลี้ยงก็ทำให้หัวใจรู้สึกอ่อนโยนและผ่อนคลายมากจริงๆ
สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่เลี้ยงสุนัขแล้วอยากให้ลูกๆ รักและดูแลสัตว์เลี้ยงบ้าง การ์ตูนเรื่องนี้น่าจะช่วยได้ดีเลยค่ะ
จากหนังสือพิมพ์มติชนรายวันฉบับวันที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2551 ปีที่ 31 ฉบับที่ 11089
ขอแสดงความยินดีที่คุณหมอวินิทรา จะต้องเดินทางไปศึกษาต่อต่างประเทศในสิ้นเดือนนี้
สร้าง Comment ง่ายๆ ด้วยตัวคุณเอง..คลิ๊กที่นี่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น