คอลัมน์ มหัศจรรย์การ์ตูน
โดย วินิทรา นวลละออง
สัปดาห์ก่อนเล่าเรื่องทีมงานมือทองและพล็อตเรื่อง Eden of the East ซึ่งฉายทางโทรทัศน์ในซีซั่นฤดูใบไม้ร่วงที่เพิ่งจบไปในญี่ปุ่นค่ะ โดยสรุปคือ "ทาคิซาว่า อากิระ" เด็กหนุ่มชาวญี่ปุ่นลืมตาขึ้นมาหน้าทำเนียบขาว เขาพบว่าตัวเองโป๊อยู่และไม่มีความทรงจำอะไรเหลือเลย มือทั้งสองมีแค่ปืนกระบอกหนึ่งกับโทรศัพท์มือถือที่มีเงินบรรจุอยู่ 8.2 พันล้านเยน! นอกจากเงินแล้ว โทรศัพท์ยังใช้ติดต่อกับสุภาพสตรีชื่อ Juiz (ภาษาโปรตุเกสหมายถึงผู้พิพากษา) ซึ่งทำทุกสิ่งที่เขาต้องการได้ทันทีตั้งแต่สั่งให้ฆ่าคนไปจนถึงให้นายกรัฐมนตรีพูดแปลกๆ ออกอากาศ คำถามที่ทาคิซาว่าต้องการคำตอบในซีรีส์นี้คือ "เขาเป็นใคร" และ "ทำไมจึงมีโทรศัพท์วิเศษในมือ"
คำตอบแบบรวบรัดคือโทรศัพท์เงินล้านและ Juiz เกิดจากแนวคิดของ "มิสเตอร์เอ๊าต์ไซด์" ซึ่งเขาได้สุ่มเลือกคน 12 คนขึ้นมาและเรียกแต่ละคนว่า Selecao (ภาษาโปรตุเกสแปลว่าผู้ได้รับเลือก) สิ่งที่เซเลเซาทั้งสิบสองได้รับคือโทรศัพท์ที่มีเงินหนึ่งหมื่นล้านเยนและสามารถโทร.บอกให้ Juiz ทำสิ่งใดก็ได้ที่ต้องการโดยหักค่าใช้จ่ายจากโทรศัพท์ไปเรื่อยๆ กติกาคือทุกคนต้องใช้เงินไปเพื่อหาหนทาง "ช่วยเหลือญี่ปุ่น" หากใครนำเงินไปใช้เพื่อการอื่น หรือใช้เงินจนหมดโดยยังไม่ได้ช่วยญี่ปุ่น หนึ่งในสิบสองเซเลเซาที่เป็น "ซัพพอร์เตอร์"จะถูกส่งไปฆ่าคนคนนั้น และสุดท้ายผู้ชนะเกมนี้จะเป็นเพียงคนเดียวที่รอดชีวิต
"ช่วยเหลือญี่ปุ่น" เป็นคำเรียบง่ายแต่ที่จริงยากมากเพราะแต่ละคนตีความการช่วยเหลือญี่ปุ่นไปต่างๆ กัน คุณหมออาจจะคิดว่าช่วยชีวิตมนุษย์ก็เป็นการช่วยญี่ปุ่นแล้ว หรือผู้นำเผด็จการคิดว่าการทำให้คนหวาดกลัวเพื่อจะได้ร่วมมือกันต่อสู้คือการช่วยญี่ปุ่น แต่สำหรับทาคิซาว่าพระเอกของเรื่อง เขาไม่ได้คิดอะไรที่ยิ่งใหญ่ขนาดนั้นเลย ทาคิซาว่าพูดได้น่าฟังมากในตอนหนึ่งว่าคนที่สามารถจะช่วยเหลือญี่ปุ่นได้น่าจะเป็นพวกนักการเมืองหรือคนเรียนเก่งๆ ไม่ใช่เหรอ คนธรรมดาๆ ที่ไม่ฉลาดอย่างเขาช่วยญี่ปุ่นไม่ได้หรอก สิ่งที่ทาคิซาว่าใช้เงินพันกว่าล้านเยนไปจึงเป็นแค่การทำ "สิ่งที่ควรทำ" เท่านั้นเอง
สามเดือนก่อนเขาทราบว่าหนึ่งในเซเลเซาสั่งมิซไซล์ให้มายิงถล่มญี่ปุ่น เขาจึงใช้เงินในการอพยพผู้คนไปยังที่ปลอดภัยและสุดท้ายก็ไม่มีใครเสียชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนั้น ความสมจริงและน่าประทับใจอยู่ตรงวิธีคิดของทาคิซาว่าค่ะ เขาไม่ฉลาดพอที่จะรู้ว่าทำอย่างไรจึงจะรอดจากมิซไซล์จึงบอกให้เหล่า NEET สองหมื่นคนใช้โทรศัพท์พิมพ์ SMS บอกวิธีที่จะช่วยคนจากมิซไซล์ได้ หลังจากนั้นจึงให้ Juiz คัดเลือกวิธีที่ดีที่สุดขึ้นมา หมายความว่าแม้เขาไม่ใช่คนฉลาดแต่ก็รู้วิธีที่จะดึงศักยภาพของคนฉลาดคนอื่นๆ ออกมาช่วยชาติบ้านเมืองได้นั่นเอง
NEET เป็นตัวย่อของคำว่า "Not currently engaged in Employment, Education or Training" คือคนวัยทำงานที่อยู่ว่างๆ โดยไม่ได้เรียนหรือทำงานอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน จัดเป็นปัญหาแรงงานของญี่ปุ่นในปัจจุบันเพราะคนเหล่านี้ไม่มีแรงจูงใจในการเสียสละหรือทำงานเพื่อส่วนรวม ไม่สนใจที่จะดิ้นรนให้ชีวิตตัวเองดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ด้วย ได้แต่อยู่บ้านเฉยๆ เล่นอินเตอร์เน็ต และหารายได้เล็กน้อยจากการทำงานพาร์ทไทม์ค่าแรงถูกเท่านั้นทั้งที่ NEET หลายคนเป็นคนเก่งและสามารถทำงานใหญ่เพื่อพัฒนาบ้านเมืองได้สบาย
Eden of the East จบตอนที่ 11 ทางโทรทัศน์ด้วยการแสดงให้เห็นว่าคนที่สามารถช่วยเหลือญี่ปุ่นได้และญี่ปุ่นต้องการคือ "ราชา" ค่ะ เป็นคำที่ดีเพราะไม่ได้หมายถึงคนเก่งและมีความสามารถสูงอย่าง "ฮีโร่" ที่ญี่ปุ่นพยายามผลิตและสะท้อนให้เห็นได้จากการ์ตูนฮีโร่เกลื่อนตลาดเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน "ราชา" คือศูนย์รวมจิตใจและผู้ที่ทำให้คนเก่งหลายคนเคลื่อนไหวได้ คือผู้ที่ทำให้คนอื่นยอมอุทิศตัวเพื่อนประโยชน์ส่วนรวม ศัพท์แบบฝรั่งๆ หน่อยคือผู้ที่ "มีความเป็นผู้นำ" หรือ leadership นั่นเอง
ตอนหน้ามาลงลึกอีกนิดว่านางเอกของเรื่องมีบทบาทอย่างไร และเมื่อแนวคิด "ฮีโร่" ตกยุคไปแล้ว คนที่จะได้รับการยอมรับจากสังคมในยุคนี้คือคนแบบไหน มาต่อครั้งหน้าค่ะ
วันที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2552 ปีที่ 32 ฉบับที่ 11453 มติชนรายวัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น