13 มิถุนายน 2552

Paprika บางทีความฝันก็ต้องเผ็ดบ้าง

คอลัมน์ มหัศจรรย์การ์ตูน
โดย วินิทรา นวลละออง

ในเดือนพฤษภาคม 2009 นี้มีนวนิยายไซไฟดัดแปลงจากภาษาญี่ปุ่นเรื่องหนึ่งวางจำหน่ายในอังกฤษค่ะ ชื่อเรื่องน่าแสบลิ้นว่า "Paprika" ซึ่งฉบับนวนิยายดั้งเดิมได้รับการสร้างเป็นภาพยนตร์แอนิเมชั่นสำหรับฉายโรง (Theatrical Anime) ในปี 2006 ที่ผ่านมา ถึงขนาดฝรั่งเอามาแปลแบบนี้ต้องมีดีแน่นอนค่ะ ตามประสาคนที่มักจะรู้จักของดีช้ากว่าชาวบ้านเสมอก็เลยต้องหามาดูเสียหน่อยว่าจะแจ่มแค่ไหน

Paprika เริ่มเรื่องจากนวัตกรรมใหม่ล่าสุดของการทำจิตบำบัดโดยผู้ป่วยไม่ต้องพูดคุยกับนักจิตบำบัดเพื่อค้นหาสิ่งที่ซ่อนอยู่ภายในจิตใต้สำนึกอีกแล้ว จิตใต้สำนึกสามารถถ่ายทอดออกมาผ่านทางจอคอมพิวเตอร์ในรูปของความฝันด้วยเครื่องมือชื่อว่า DC Mini ดังนั้น นักจิตบำบัดจึงมองเห็นความฝันของผู้ป่วยเหมือนกำลังดูโทรทัศน์ แล้วจึงค่อยนำภาพต่างๆ ที่ปรากฏในความฝันมาตีความอีกครั้งหนึ่ง

"ดร.ชิบะ เอ็ตสึโกะ" นักจิตบำบัดสาวที่ดูเป็นนักวิชาการจืดชืดเข้าร่วมทดลองใช้ DC Mini เพื่อรักษาผู้ป่วยด้วยเช่นกัน แต่เมื่อเธอเข้าไปในความฝันของผู้ป่วย เธอจะเปลี่ยนตัวตนเป็นอีกคนหนึ่งและใช้ชื่อว่า "ปาปริก้า" ซึ่งมีทุกสิ่งตรงข้ามกับเธอทั้งหมด ทั้งทรงผม เสื้อผ้า การแต่งหน้า หรือแม้แต่อุปนิสัย เหตุการณ์ประหลาดเกิดขึ้นเมื่อหัวหน้าของเอ็ตสึโกะมีอาการเหมือนตกอยู่ในความฝันและกระโดดลงมาจากตึก เธอใช้ DC mini เข้าไปดูความฝันของหัวหน้าที่รอดชีวิตอย่างปาฏิหาริย์และพบว่าเขากำลังฝันถึงขบวนพาเหรดที่เต็มไปด้วยตุ๊กตา แต่ความฝันนี้กลับเป็นฝันของเพื่อนร่วมงานอีกคนหนึ่ง ไม่ใช่หัวหน้าเข้าไปอยู่ในความฝันของคนอื่นแต่ความฝันของคนอื่นกำลังควบคุมเขาอยู่ค่ะ

เมื่อพบผลข้างเคียงของ DC mini เช่นนี้ เอ็ตสึโกะจึงต้องการหยุดโครงการให้เร็วที่สุด แต่เธอกลับถูกดูดเข้าไปในความฝันที่ไร้จุดสิ้นสุดของใครบางคนเสียแทน ทางออกของความฝันอยู่ตอนจบเรื่องค่ะ ปมทุกอย่างคลายลงโดยมีแกนอยู่ที่ความฝันซึ่งมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าของแต่ละคนซ่อนอยู่ภายในจิตใต้สำนึก เอ็ตสึโกะซึ่งปฏิเสธตัวตนของปาปริก้าเข้าใจในท้ายที่สุดว่าชีวิตจืดชืดของเธอจำเป็นต้องมีความเผ็ดร้อนของปาปริก้ามาเติมเต็มให้สมบูรณ์ และรสเผ็ดที่ชีวิตเธอขาดหายไปก็คือความรักนั่นเอง ทุกอย่างจบสมบูรณ์เหมือนนวนิยายขนาดสั้นหนึ่งเล่มที่เมื่อปิดหน้าสุดท้าย สิ่งที่จะเหลือไว้กับเราก็มีแค่ความตื่นเต้นหวาดเสียวและความรู้สึกดีๆ ที่ได้ชมผลงานชั้นเยี่ยมค่ะ

Paprika ได้รับรางวัลภาพยนตร์แอนิเมชั่นฉายโรงยอดเยี่ยมในงานโตเกียวอินเตอร์เนชั่นแนลอนิเมแฟร์ ปี 2007 และได้รับคำชื่นชมจากนักวิจารณ์ว่านี่คือภาพยนตร์แอนิเมชั่นที่โดดเด่นนับจากเรื่อง Spirited Away ที่ฉายก่อนหน้านี้ 5 ปี และได้รับรางวัลออสการ์

ความสำเร็จของเรื่องนี้น่าจะมาจากหลายปัจจัยค่ะ คนแรกที่ต้องยกความดีให้คือผู้ประพันธ์ดั้งเดิม สึสึอิ ยาสุทากะ ซึ่งตีพิมพ์นวนิยายเรื่องนี้ในปี 1993 และผู้กำกับคอน ซาโตชิ นำมาดัดแปลงเป็นแอนิเมชั่นใน 13 ปีต่อมา การนำเสนอความฝันที่ซ้อนทับกันไปมาและวนกลับไปสู่จุดเริ่มต้นหลายครั้งไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ที่จะทำให้ผู้ชมดูอย่างสนุกโดยไม่หลงทางกลางเรื่องเสียก่อน ยกนิ้วให้ผู้กำกับจริงๆ ค่ะ งานภาพทั้งสองมิติและสามมิติที่สวยเนียนต้องยกความดีให้ Madhouse Studios และที่ลืมไม่ได้เลยคือเพลงประกอบของฮิราซาวะ สุสุมุ ที่ผสมเพลงมาร์ชของขบวนพาเหรดกับการร้องเสียงโหยหวนแบบ celtic แนวลูกทุ่งญี่ปุ่นได้ลงตัวค่ะ ฟังแล้วหัวใจเหมือนจะเต้นตามจังหวะเพลงไปด้วยเลย

รู้สึกว่า Paprika จะมีจำหน่ายเป็น DVD ลิขสิทธิ์ในไทยพากย์ไทยด้วยนะคะ แต่เวอร์ชั่นที่ได้ดูเป็นเสียงญี่ปุ่นซับไตเติ้ลอังกฤษ ขนาดอ่านแทบไม่ทันยังสนุกจนอยากซื้อนิยายมาอ่านเลยค่ะ นิยายเล่มละ 9.99 ปอนด์ ในระหว่างที่ DVD 12.99 ปอนด์ (ประมาณ 675 บาท) โอ้...

มันก็ต้องซื้อ DVD สิคะ! แต่กลับไปซื้อในไทยดีกว่าค่ะ ถูกและดีมีพากย์ไทยอย่างนี้ ที่ไหนจะแจ่มไปกว่าเมืองไทยบ้านเรา

วันที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2552 ปีที่ 32 ฉบับที่ 11418 มติชนรายวัน

ไม่มีความคิดเห็น: