
คอลัมน์ มหัศจรรย์การ์ตูน
โดย วินิทรา นวลละออง
นอกจากดราก้อนบอลล์แล้ว การ์ตูนมหากาพย์ที่สร้างภาคต่อ ภาคคู่ขนาน และสารพัดของเล่นออกมาได้ยาวนานที่สุดคงไม่พ้น "เซนต์เซย่า" ค่ะ โดยส่วนตัวชอบเรื่องนี้มากมาตั้งแต่เด็ก สาเหตุหลักๆ ตามประสาเด็กผู้หญิงคือ "ตัวละครหน้าตาดี" ค่ะ
แต่เมื่อเวลาผ่านไป แฟนดั้งเดิมเริ่มอายุมากขึ้นและใช้สมองดูการ์ตูนมากขึ้น โครงเรื่องดั้งเดิมซึ่งมีเพียงนักรบชุดเกราะสู้กันเพื่อปกป้องเทพีอาธีน่าเริ่มถอยกลับไปสู่จุดเริ่มต้น และขยายความสัมพันธ์ของตัวละครแต่ละคนให้มีมิติและซับซ้อนยิ่งขึ้น ดราม่าตรึงใจจึงกลายเป็นจุดขายใหม่ของเซนต์เซย่าภาคหลังๆ ในระหว่างที่ยังคงฉากแอ๊คชั่นสุดงามและชุดเกราะอลังการไว้รับตลาดเด็กเช่นเดิม
The Lost Canvas คือเซนต์เซย่าภาคล่าสุดที่ตีพิมพ์ในประเทศไทยค่ะ (1 ปีหลังจากเริ่มตีพิมพ์ในญี่ปุ่น นับว่าเร็วพอดู) เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับตำนานการต่อสู้ระหว่างนักรบฝั่งอาธีน่ากับฮาเดสเป็นหลัก หนังสือการ์ตูนเริ่มตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อเดือนสิงหาคมปี 2006 ในประเทศญี่ปุ่น และสร้างกระแสฮือฮาอย่างแรงไปทั่วดินแดนที่เป็นเมืองขึ้นของเซนต์เซย่า (ฮ่องกง, อิตาลี, ฝรั่งเศส, บราซิล ฯลฯ) ทำให้หาข้อมูลเป็นภาษาอังกฤษยากมากๆ ค่ะ
_6.jpg)
"เทมมะ" เด็กหนุ่มเชื้อสายญี่ปุ่นอาศัยอยู่ในเมืองทางยุโรปแห่งหนึ่ง เขาเป็นเด็กกำพร้าแต่ความที่มีพละกำลังแข็งแกร่งจึงพึ่งพาเรื่องชกต่อยได้เสมอ เทมมะมีเพื่อนสนิทแสนเรียบร้อยและรักการวาดภาพ "อาโรน" ความสะอาดบริสุทธิ์ของอาโรนทำให้เขากลายมาเป็นร่างจุติของจ้าวแห่งนรก "ฮาเดส"
ต่อมาโดโคเห็นความสามารถของเทมมะจึงได้ทาบทามไปเป็นเซนต์ผู้ปกป้องอาธีน่า ซึ่งในที่สุดเขาก็ได้พบว่าเด็กผู้หญิงที่เติบโตมาจากบ้านเด็กกำพร้าแห่งเดียวกัน "ซาชา" ซึ่งมีผู้รับไปดูแลคือเทพีอาธีน่าในชาตินี้นั่นเองคำสาปของฮาเดสเริ่มหมุนตามเข็มนาฬิกาเมื่อภาพวาดของอาโรนทำให้สิ่งมีชีวิตในภาพต้องตาย ไม่ว่าจะเป็นต้นไม้ สัตว์ หรือแม้แต่คน สีสันงดงามเหลือเพียงสีเทาแห่งความตาย และในตอนที่สิ้นหวังกับความสามารถประหลาดของตัวเอง "แพนโดร่า" ก็ปรากฏกายขึ้น เชื้อเชิญให้อาโรนรับรู้ถึงสีสันที่แท้จริงของชีวิต สวรรค์ที่แท้จริงของเหล่าวิญญาณ และดินแดนที่ควรถือครองโลกมนุษย์นี้ นั่นคือดินแดนแห่งความตายนั่นเอง

ในด้านงานภาพ แม้ลายเส้นจะเห็นได้ชัดว่าติดแนวการ์ตูนผู้หญิง แต่ความสมดุลของหน้าตาท่าทางที่ไม่ตุ้งติ้งเกินงาม กับชุดเกราะที่ใช้เทคนิคลงเงากับสกรีนโทนเบอร์เดียวกับภาคก่อนๆ ทำให้รู้สึกไม่ขัดเขินกับการอ่านภาคนี้เท่าใดนัก ออกจะชินตาและง่ายต่อการยอมรับด้วยค่ะ

อ่านแต่บรรดา fan fiction (นิยายที่บรรดาแฟนๆ แต่งเองเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการ์ตูนที่ชอบ) จนแทบจะเลิกหวังว่าจะได้เห็นภาคที่เต็มเปี่ยมด้วยอารมณ์จากเรื่องนี้ แต่ในที่สุด The Lost Canvas ก็ทำให้ฝันเป็นจริงแนะนำให้อ่านเลยค่ะ ไม่บ่อยนักที่เราจะเห็นการประสานกันของการ์ตูนยุคโชเนนบูมกับยุคเพศไร้พรมแดนได้อย่างลงตัวแบบนี้ ต้องปรบมือให้ทีมผู้จัดทำจริงๆ ค่ะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น