22 มิถุนายน 2551

Sayonara Zetsubo Sensei ลาก่อนคุณครูผู้สิ้นหวัง


คอลัมน์ มหัศจรรย์การ์ตูน
โดย วินิทรา นวละออง

เชื่อไหมคะว่าในยุคน้ำมันแพงเช่นนี้ ความสุขหรือทุกข์ของคนก็ยังไม่อาจวัดได้จากเงินในกระเป๋าสตางค์แต่วัดได้จาก "มุมมอง" ของแต่ละคนเองมากกว่า ถ้าไม่เชื่อต้องลองอ่านการ์ตูนที่แสนสิ้นหวังเรื่องนี้ดูค่ะ แล้วเราจะพบว่า "มุมมอง" มีอานุภาพมากเหลือเกิน

Sayonara Zetsubo Sensei หรือ "ซาโยนาระคุณครูผู้สิ้นหวัง" เป็นผลงานของ อ.คุเมตะ โคจิ ซึ่งเพิ่งตีพิมพ์เป็นรูปเล่มได้ไม่นานนี้ แต่หลายท่านอาจจะเคยผ่านตาในรูปแอนิเมชั่นที่ใช้เทคนิคสวยงามและสอดแทรกคำคมไว้เยอะไปหมด

พระเอกของเรื่องคือ "อิโตชิกิ โนโซมุ" คุณครูมัธยมผู้มองโลกในแง่ร้ายที่สุดเท่าที่สมองจะคิดได้ เขามองว่าทุกอย่างในโลกล้วนสิ้นหวัง ไม่มีอะไรมีค่าควรแก่การมีชีวิตอยู่อีกแล้ว ดังนั้น เมื่อต้นเรื่อง เขาจึงกำลังผูกคอตายใต้ต้นซากุระพอดี แต่โชคช่วยเมื่อเด็กสาวผู้มองโลกในแง่ดีสุดขีด "ฟูระ คาฟุคุ" ผ่านมาเห็นเข้า เธอวิ่งเข้าไปกอดขาจนโนโซมุถูกเชือกรั้งคอเกือบตาย เขาจึงต่อว่าเธอไปว่า "เกิดฉันตายขึ้นมาจำทำยังไง!" (อ้าว)

คาฟุคุบอกว่า ไม่มีใครฆ่าตัวตายในวันที่อากาศดีและซากุระบานสะพรั่งอย่างนี้ได้หรอก (แม้จะเห็นโนโซมุเอาคอพาดเชือกเตรียมแขวนก็ตาม) ดวงตาที่มองเห็นโลกเป็นสีชมพูของเธอบอกว่าโนโซมุไม่ได้คิดฆ่าตัวตาย

"แต่กำลังยืดส่วนสูงอยู่ใช่ไหมคะ พ่อของหนูก็เคยยืดส่วนสูงอยู่เหมือนกัน"

เธอยิ้มด้วยใบหน้าที่แสนบริสุทธิ์ แต่เราคนอ่านทราบดีว่าพ่อของเธอก็ผูกคอตายเช่นกัน กลับมาวิเคราะห์ว่าทำไมอ่านถึงตรงนี้แล้วอ้าปากค้าง คำตอบคือการที่เธอยังยิ้มแย้มและเห็นโลกเป็นสีชมพูได้อยู่แม้ว่าคุณพ่อจะฆ่าตัวตาย เพราะเธอพยายามมองทุกอย่างในแง่บวก มองอย่างสร้างสรรค์เพื่อให้วันต่อๆ มาของชีวิตคนเป็นไม่สิ้นสุดแบบชีวิตคนตาย

เคยมีคนถามเหมือนกันค่ะว่ามองแบบนี้ก็เหมือนหนีความจริงสิ พูดแบบนั้นก็ไม่ผิดค่ะ แต่เรานิยมเรียกว่า "ถอยมาตั้งหลัก" มากกว่า คือทิ้งความจริงส่วนที่ปวดร้าวไว้สักพักแล้วทำใจให้เข้มแข็งเสียก่อน เมื่อรู้สึกว่าใจพร้อมจึงค่อยหยิบความเศร้ามาปัดฝุ่นและพิจารณาอีกรอบ ถ้าถามว่าหยิบมาอีกทำไม เพราะอะไรไม่แกล้งทำเป็นลืมๆ ไปเสีย คำตอบคือเราต้องหยิบมาเพื่อป้องกันและเตรียมรับมือหากความเศร้านี้เกิดขึ้นอีกในอนาคตค่ะ

ในตอนที่สองของการ์ตูนเล่มนี้เป็นตอนที่ชอบที่สุดเลยค่ะ เมื่อโนโซมุเป็นคุณครูคนใหม่ประจำห้องของคาฟุคุ เขาแจกกระดาษให้นักเรียนเขียนความหวังในอนาคตของตัวเอง บางคนก็อยากเข้ามหาวิทยาลัยชั้นเลิศ บางคนก็อยากเป็นนักกีฬาทีมชาติ แต่โนโซมุบอกว่าทุกคนล้วน "สิ้นหวัง" เพราะแม้จะหวัง แต่คิดหรือว่าจะมีปัญญาทำได้ (เล่นเอานักเรียนจุกกันหมด) ดังนั้น เขาจึงให้ทุกคนเปลี่ยนจากการเขียนความหวังเป็น "ความสิ้นหวัง" เสียแทน ส่งผลให้ทุกคนลงมือเขียนทุกอย่างที่อยากเป็นแต่ไม่รู้ทำได้หรือเปล่า เช่น เป็นนายกฯ เป็นดารา ฯลฯ ล้วนเป็นความหวังสูงสุดที่ทุกคนพยายามหนีความจริงว่าตนเองไม่สามารถเป็นได้และลืมๆ ไปเสีย

คาฟุคุยกมือคัดค้านค่ะ เธอบอกว่า "ไม่มีอะไรที่สิ้นหวังหรอก ถ้าทุกคนพยายาม ความหวังก็ย่อมสัมฤทธิ์ผล" กระทั่งเป็นนายกฯ เธอก็บอกว่ายังมีหวัง แต่หากบอกว่าสิ่งที่สิ้นหวังจนเป็นไม่ได้จริงๆ ก็คงเป็นพระเจ้าไม่ก็มนุษย์ต่างดาวล่ะมั้ง

สิ่งที่คนสิ้นหวังอย่างโนโซมุทำกลับกลายเป็นการสนับสนุนให้ทุกคนหันหน้าเข้าสู้กับความหวังและความสิ้นหวังเสียแทนค่ะ หลายคนหลีกเลี่ยงความคาดหวังที่สูงเกินไปเพราะกลัวว่าผิดหวังแล้วจะเจ็บปวด แต่ในบางโอกาส การกล้าเผชิญหน้ากับความผิดหวังก็ทำให้เราบินสูงกว่าที่คาดได้มากเลยนะคะ

Sayonara Zetsubo Sensei จึงไม่ใช่การ์ตูนที่สิ้นหวัง แต่เป็นการ์ตูนที่ให้มุมมองใหม่ๆ ทั้งสิ้นหวังและสมหวังอย่างสุดขีดเลยค่ะ ในความตลกโปกฮาต้องยอมรับว่าช่วยบริหารสมองให้รู้จักคิดนอกกรอบอยู่โขเลย ลองสำรวจตัวเองตอนอ่านได้นะคะ ถ้าเราคิดว่า "จะบ้าเหรอ มันจะเป็นไปได้ยังไง" แปลว่ามุมมองของเรายังแคบอยู่ค่ะ

แต่ถ้าอ่านแล้วคิดว่า "เออนะ...มันคิดอย่างนี้ก็ได้เหมือนกันนี่" เรากำลังจะกลายเป็นคนที่คิดนอกกรอบได้อย่างอัจฉริยะแล้วค่ะ

2 ความคิดเห็น:

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

จารย์พี่โอครับ
ผมชอบเรื่องนี้นะครับ

ซุนปิน กล่าวว่า...

เรียนคุณ KJ

ผมคิดว่าทางอาจารย์โอ คงได้อ่าน คคห.ของคุณ KJ แล้วละ ผมเป็นเพียงคนรวบรวมข้อเขียนของอาจารย์ที่กระจัดกระจายตามเว็บมาไว้ที่เดียวกันเพราะเห็นว่ามีประโยชน์ต่อทุกคนที่สนใจด้านการ์ตูนและแง่คิดต่างๆจากการ์ตูนที่ได้จากทัศนะของอาจารย์หมอท่านนี้ ก็ขอขอบคุณแทนอาจารย์ก็แล้วกันที่สนใจติดตาม
อืม...แต่สิ้นเดือนนี้หมอก็จะไปเรียนต่อเมืองนอกแล้วไม่ทราบว่าจะมีเวลาเขียนอีกหรือเปล่านะ...สำเร็จมาก็หวังว่าจะได้มาถ่ายทอดวิทยายุทธ์ใหม่ๆให้แก่เด็กไทยรุ่นต่อๆไปได้มีความรู้ที่กว้างไกลออกไปอีก
คารวะ
ซุนปิน.(บ้านจอมยุทธ์)