22 มิถุนายน 2551

'ตำนานเทพประยุทธ์' แหกกฎการ์ตูนที่น่าจดจำ

คอลัมน์มหัศจรรย์การ์ตูน
วินิทรา นวลละออง
มี mail จากน้องสาวที่น่ารักคนหนึ่งส่งมาเร็วๆ นี้เองค่ะ เธอว่าชอบอ่านเรื่อง "ตำนานเทพประยุทธ์" จังเลย ฉันผงะทันที อะไรนะ ตำนานเทพประยุทธ์เนี่ยนะ!? ไม่อยากเซดเลยว่าในอดีตก็มีคนเคยแนะนำให้อ่านเหมือนกัน ตอนนั้นเพิ่งออกได้ 3 เล่ม ก็เลยซื้อมาอ่าน 3 เล่มรวด แต่ไม่ว่าจะนอนอ่าน นั่งอ่านหรือ ตีลังกาอ่านก็ยังคงไม่รู้เรื่องสักนิด ด้วยความที่พล็อตเป็นแบบหนังจีนสำเร็จรูปเกินไปจนขาดความเป็นเอกลักษณ์ เรื่องนี้จึงถูกเก็บไว้ในหลืบที่ลึกที่สุด

ฉันเดาว่าถ้ายังคงเขียนแนวเรื่องแบบนี้ต่อไป ให้อย่างมากไม่เกิน 5 เล่ม ต้องตัดจบชัวร์ ปรากฏคาดผิดค่ะ เพราะยังทยอยออกมาได้อีกถึงตอนนี้ (ในไทย) ก็ 13 เล่มเข้าไปแล้ว หลับตาเดาได้เลยว่า ต้องเปลี่ยนแนวเรื่องแหงๆ ไม่งั้นขายไม่ออกหรอก (โห! อะไรจะดูถูกกันขนาดนั้น)

เป็นอย่างที่คิดจริงๆ ด้วยค่ะ พอหลังเล่ม 3 ไปก็เริ่มสนุกขึ้นอย่างชัดเจน จากเดิมเป็นพล็อตของหนังจีนจอมยุทธ์สูตรสำเร็จ คือพระเอก "ต้ากงอ้วง" เป็นเซียนฝ่ายธรรมะ โดนเด้งให้ไปจัดการเซียนสาวฝ่ายอธรรมสุดสวยที่ชื่อ "หลาจี่"

แนวเรื่องมันจะเป็นการ์ตูนฮีโร่ก็ไม่ใช่ การ์ตูนจอมยุทธ์ก็ไม่เชิง เพราะบุคลิกพระเอกมันก็ไม่ฮีโร่เท่าไหร่ ดูแล้วรู้สึกฝืดคอเหมือนกินขนมจีนแต่ "ไร้น้ำยา" จะคมหรือทื่อในฝักก็ไม่แน่ใจเพราะเฮียเล่นเก็บไว้แต่ในฝัก ไม่โชว์สักที ถ้าบอกว่าเป็นแนวเรื่องแบบเมโลดราม่าที่แยกดีเลวชัดเจนอาจจะใกล้เคียงที่สุด ดูอย่างหลาจี่ที่ทั้งชีวิตฉันจะขอโกงอย่างเดียว ผู้เขียนอาจต้องการดึงกลุ่มนักอ่านชายวัยรุ่น ก็เลยสร้างหลาจี่ให้ดูเป็นสาวเจ้าเสน่ห์แสนซน (แบบโหดๆ) แต่เหตุการณ์กลับไม่เป็นอย่างนั้น เพราะจากผลการโหวตความนิยมตัวการ์ตูน อันดับต้นๆ กลับกลายเป็นตัวการ์ตูนชายที่หล่อ เก่ง ฉลาดตามสูตรการ์ตูนแนวเควสต์ (Quest) เป๊ะ! เห็นได้ชัดเลยว่ากลุ่มเป้าหมายนอกจากวัยรุ่นชายที่บังเอิญติดมาด้วย ก็คือ "เด็กชาย" ที่ชอบพระเอกเฟรนด์ลี่บารมีสูงอย่างต้ากงอ้วง "เด็กหญิง" ที่ชอบหนุ่มหล่อสุดเก่งแปลงร่างได้แบบเอี๋ยงเจี่ยน "สาวน้อย" ที่หลงใหลความเท่ และโคตรเก่งของอุปราชอุ้นจ้วง และ "สาวใหญ่" ที่ชอบหนุ่มน้อยไร้หัวใจแบบหน่าจ้า หลาจี่ และเสิ่นกงเป้า เซียนมารที่เดิมเด๊นเด่น ค่อยๆ โดนลดบทบาทลงจนกลายเป็นตัวเพิ่มรสชาติ มากกว่าที่จะเป็นตัวหลัก

เห็นได้ชัดจากเล่ม 13 ซึ่งเหล่าฝ่ายธรรมะบอกว่า หลาจี่หายไปจากโลก บางทีอยู่ๆ หายไปน่าจะทำให้เธอมีคนระลึกถึงมากกว่าที่ตัดบทบาทของเธอออกไปทีละน้อย จนลดชั้นจากตัวเอกฝ่ายอธรรมมาเป็นตัวประกอบขาแจมก็ได้ แต่ไม่ว่าสุดท้ายเธอจะกลับมายืนแท่นยอดตัวโกงได้อย่างสมภาคภูมิอีกหรือไม่ คงไม่ค่อยมีใครเดือดร้อนเท่าไหร่หรอกค่ะ อยากไปก็ไปเถอะ
"ตำนานเทพประยุทธ์" จึงอาจเหมาะแก่การเป็นการ์ตูนรายสัปดาห์ที่ยิ่งอ่านยิ่งสนุก ทั้งผู้แต่งเรื่องและผู้วาดต่างก็มีพัฒนาการตามความต้องการของผู้บริโภคอย่างเห็นได้ชัด เหมือนอย่างที่ยูยู ฮาขุโช เคยประสบความสำเร็จมาแล้ว แต่ก็คงไม่อาจเป็นมหากาพย์หรือ saga อย่างเซนต์เซย่าได้ เพราะมันโหดค่ะ โหดแบบไร้เหตุผลเสียด้วย ทำให้กลุ่มนักอ่านเด็กและผู้หญิงค่อนข้างอึดอัดใจ เช่นตอนหลาจี่ฆ่าป่ออี้เข่าแล้วเอาเนื้อมาทำแฮมเบอร์เกอร์ให้พ่อของเขากิน คนเขียนเกิดรักฮันนิบาลขึ้นมารึไงก็ไม่รู้ ซวยตรงที่ป่ออี้เข่าเป็นคนหน้าตาดีและซื่อ ซึ่งเป็นเชิงสัญลักษณ์ในการ์ตูนเด็กและผู้หญิงว่าไอ้เนี่ยต้องเป็นคน "ดีมาก" และ "ห้ามตาย" ถึงตายไปแล้ววิญญาณก็ควรจะกลับมามีบทบาทต่อเหมือนหงอคงแห่งดรากอนบอลล์

ความผิดพลาดจากการแหกกฎเหล็กของวงการการ์ตูนครั้งนี้ ทำให้นักอ่านรู้สึกอกสั่นขวัญแขวนทุกครั้งเวลาดูฉากต่อสู้ เพราะไม่รู้คนเขียนกะจะฆ่าตัวเอกเมื่อไหร่ มันจึงเป็นเรื่องที่ "น่าอ่าน" แต่ "ไม่น่าจดจำ" เพราะจำไปก็ช้ำใจเปล่า

สรุปว่านี่คือการ์ตูนที่เขียนตามรูปแบบเดิมๆ ของแฟนตาซีเควสต์เด๊ะ แต่ตามใจตัว (นักเขียน) เองโดยการแหกกฎเหล็กของ "การ์ตูนที่น่าจดจำ" เช่นไปทำร้ายตัวที่ "ห้ามตาย" หรือบังคับให้ตัวโกงโกงอย่างไม่มีเหตุผล เรื่องนี้จึงสอนให้รู้ว่า อย่าให้ฝ่ายธรรมะตายเพราะโดนตัวโกงฆ่า แต่ให้ตายเพราะปกป้องเพื่อนหรือกอบกู้โลกให้พ้นจากตัวโกงจะดีกว่า ที่เขาเรียกคิดในทางบวก (Positive thinking) ไงคะ

อ้อ!แล้วถ้าใครจะอ่านที่เค้าพูดถึงฮันเตอร์ก็เข้าไปที่เวบของมติชนนะ(www.matichon.co.th) แล้วก็เข้าหัวข้อมติชนเสร็จแล้วอ่านฉบับย้อนหลังวันที่15 พ.ค. เข้าหัวข้อสุขสรรค์ แล้วก็หาดูเอาเอง ไม่มีไรแย้วจะไปเขียนเมล์(หาเค้า)


มติชน 20 พฤษภาคม 2544

ไม่มีความคิดเห็น: