คอลัมน์ มหัศจรรย์การ์ตูน
โดย วินิทรา นวลละออง
เมื่อวานนี้ได้เข้าเวิร์คช็อปว่าด้วยการพัฒนาองค์กรไปสู่ความเป็นเลิศค่ะ พอพูดถึงการพัฒนาตัวเอง หลายคนก็ทำหน้าเบื่อแล้วก็คิดว่า 'มีอะไรต้องเรียนรู้ใหม่อีกแล้ว' ในระหว่างที่อีกหลายคนทำตาวาวแล้วก็พูดอย่างตื่นเต้นว่า 'มีอะไรให้เรียนรู้ใหม่อีกแล้ว' ความแตกต่างนี้แบ่งคนออกเป็น 2 กลุ่มได้ง่ายๆ เลยค่ะ คือคนที่รักและผูกพันกับองค์กรจริงๆ กับอีกส่วนที่อยู่เพราะไม่มีที่ไป (คือถ้ามีที่ดีกว่าก็ไปแล้ว)
มีตอนหนึ่งที่วิทยากรถามผู้เข้าประชุมว่า 'ทำไมถึงยังเลือกทำงานอยู่ที่นี่' คำตอบมีหลากหลายเลยค่ะ ตั้งแต่ภูมิใจในสถาบัน ให้ค่าตอบแทนที่เหมาะสม มีโอกาสก้าวหน้า ใกล้บ้าน ไม่รู้จะไปไหน ฯลฯ แต่โดยสรุป วิทยากรบอกว่าหนึ่งในสิ่งที่ทำให้คนเลือกที่จะอยู่เช่นนี้คือ 'สถานที่นี้ทำให้ตัวเองรู้สึกว่ามีคุณค่า'
คำนี้โดนใจจังค่ะ พอคิดๆ ดูแล้วหลายคนเลือกทำในสิ่งที่ยืนยันคุณค่าของตัวเอง เด็กๆ พยายามขยันเรียนและสอบให้ได้คะแนนเยอะๆ ก็เพื่อให้พ่อแม่เห็นคุณค่า (ว่าเป็นคนเก่ง) หรือชายหนุ่มเพียรเอาอกเอาใจสาวก็เพื่อให้อีกฝ่ายเห็นคุณค่า (ว่าเป็นคนน่าคบ) แต่ถ้าเราไม่รู้สึกว่าต้องการคุณค่าอะไรในชีวิตเลย ชีวิตก็ไร้ค่าค่ะ
เช่นเดียวกับ 'เคลย์มอร์' (Claymore) ในการ์ตูนแนวดาร์คไซด์แฟนตาซีที่ดีเกินคาดของ อ.ยางิ โนริฮิโระ บรรยายถึงประเทศแห่งหนึ่งซึ่งมีปิศาจแอบซ่อนตัวอยู่ในคราบมนุษย์และค่อยๆ จับมนุษย์กินเป็นอาหารไปเรื่อยๆ องค์กรหนึ่งตั้งขึ้นมาเพื่อรับจ้างกำจัดปิศาจออกจากหมู่บ้าน และผู้ที่ลงมือจัดการคือ 'เคลย์มอร์' สิ่งมีชีวิตลูกผสมระหว่างปิศาจและมนุษย์เหล่าเคลย์มอร์ล้วนเป็นสาวงามหน้าตาดี พวกเธอมีความสามารถและพละกำลังมหาศาลทั้งที่ภายนอกเป็นมนุษย์ แต่เมื่อใดที่ต้องใช้พลังปิศาจมาช่วย ความเป็นมนุษย์ของพวกเธอก็จะลดลงจนอาจกลายร่างเป็นปิศาจได้ ดังนั้นหากถึงเวลาที่กำลังจะกลายร่างเป็นปิศาจ พวกเธอจะต้องตัดสินใจตายทันทีเพื่อให้อย่างน้อยได้ตายในขณะนี้ตัวเองยังเป็นมนุษย์ นั่นคือ 'คุณค่า' เพียงอย่างเดียวของชีวิตเคลย์มอร์ที่ไม่ต้องการกินอาหารมากมายหรือนอนบนเตียงหรูหรา
'แคลร์' เคลย์มอร์คนหนึ่งเดินทางมากำจัดปิศาจตามปกติ ชาวเมืองต่างหวาดกลัวเธอและเธอก็ไม่คิดว่าจะต้องใส่ใจอะไรเป็นธรรมดาดังเช่นทุกครั้ง แต่กลับมีเด็กหนุ่มคนหนึ่งซึ่งแม้จะตกใจกลัวตอนที่เห็นความโหดร้ายของเธอ จิตใจที่อยากช่วยเหลือชาวเมืองให้พ้นจากปิศาจของแคลร์ทำให้ 'ลาคิ' เด็กหนุ่มตัดสินใจขอติดตามไปด้วย ความชื่นชมที่ลาคิมีให้แทนที่จะเป็นความหวาดกลัวและเสียงนินทาว่าร้ายทำให้ประตูบานเล็กๆ ในใจของแคลร์เปิดออก ที่ผ่านมาเธอเคยปกป้องมนุษย์เพราะเป็นงาน แต่เมื่อตัวเองกลับได้รับการปกป้องจากมนุษย์ที่แทบจะไร้พละกำลังทำให้เธอเกิดคำถามในใจมากมาย
ทำไมคนเหล่านี้ต้องปกป้องเธอทั้งที่เธอไม่ได้คิดจะช่วยเหลืออะไรเสียหน่อย เป็นงานที่ต้องปกป้องมนุษย์ต่างหาก
เมื่อเมล็ดแห่งความตื้นตันเล็กๆ งอกโตในหัวใจของแคลร์จนกลายเป็น 'คุณค่า' ในตัว การที่ลาคิปกป้องเธอเพราะเธอมี 'คุณค่า' และการได้เป็นคนที่มีคุณค่าในสายตาใครซักคนก็กลายมาเป็นความรู้สึกอยากมีชีวิตต่อไป พัฒนาขึ้นกลายเป็นความผูกพันในที่สุด และสุดท้ายการที่แคลร์เลือกเดินทางร่วมกับลาคินั่นก็เพราะลาคิทำให้เธอ 'รู้สึกว่ามีคุณค่า' นั่นเองรุ่นพี่หมอที่รักมากคนหนึ่งอีเมล์มาบ่นให้ฟังว่าจู่ๆ ก็เกิดเบื่อโรงพยาบาลที่ทำงานอยู่ขึ้นมากระทันหัน จากประวัติการย้ายโรงพยาบาลหลายครั้งทำให้ทราบว่าครั้งนี้ก็มีโอกาสได้ย้ายอีกแน่ ติดที่เรื่องเดียวคือต้องหาเงินไปจุนเจือครอบครัวจึงยังต้องทำงานต่อ เลยถามไปตรงๆ ค่ะว่า 'ที่นั่นเคยทำให้พี่รู้สึกมีคุณค่าบ้างไหม' หรือแค่เห็นเป็นหมอรับเงินเดือนก็จิกใช้โดยไม่ใส่ใจว่างานหนักแค่ไหนหรือชีวิตที่ต้องอยู่คนเดียวต่างจังหวัดห่างไกลพ่อแม่เป็นยังไงบ้าง
ยังไม่ได้คำตอบค่ะ แต่คิดว่าที่ใดก็ตามที่อยู่แล้วรู้สึก 'มีคุณค่า' ไม่ว่าจะเป็นที่ทำงาน บ้าน หรือแค่ข้างกายใครซักคนย่อมตามมาด้วยความผูกพัน และจากความผูกพันก็จะพัฒนาเป็นความรัก ความภาคภูมิใจ และปรารถนาจะให้คนหรือสถานที่ที่เรารักพัฒนายิ่งขึ้น
เคลย์มอร์จึงอาจเป็นการ์ตูนที่นำเสนอคุณค่าของความเป็นมนุษย์อย่างเป็นรูปธรรมที่สื่อได้ตรงใจค่ะ ทุกครั้งที่เคลย์มอร์เห็นคุณค่าของมนุษย์มากขึ้น นักอ่านก็เริ่มเห็นคุณค่าของตัวเองมากขึ้นไปด้วย ไม่น่าแปลกใจเลยค่ะที่เรื่องนี้โด่งดังจนทำเป็นภาพยนตร์การ์ตูนฉายทางโทรทัศน์ด้วย
สำหรับคนที่ค้นหาคุณค่าในตัวเอง ต้องลองอ่านแล้วล่ะค่ะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น