22 มิถุนายน 2551

A Wonder Boy ความมหัศจรรย์แห่งหัวใจ


คอลัมน์ มหัศจรรย์การ์ตูน
โดย วินิทรา นวลละออง

เป็นเรื่องยากจริงๆ ค่ะถ้าเราจะเขียนการ์ตูนสักเรื่องโดยนำสิ่งที่เป็นนามธรรมอย่างความหวัง ความกล้า หรือความมุ่งมั่น มาเขียนบรรยายเป็นตัวอักษร การกลั่นความรู้สึกเหล่านี้เป็นคำพูดว่ายากแล้ว แต่หากต้องตกตะกอนให้กลายเป็นภาพวาดที่นำเสนอผ่านหนุ่มน้อยคนหนึ่ง บางทีเราแทบเดาไม่ออกเลยว่าหนุ่มน้อยคนนั้นจะมีหน้าตาอย่างไร

นี่คือความมหัศจรรย์ของ อ.ยามาชิตะ คาสึมิ ผู้วาด Wonder Boy ซึ่งแม้ผ่านมาถึงเล่ม 5 แล้วก็ยังเจ็บจี๊ดที่หัวใจทุกครั้งเมื่อได้อ่าน
Wonder Boy เป็นเรื่องสั้นจบในตอนที่กล่าวถึงเหตุการณ์ในช่วงใดช่วงหนึ่งของประวัติศาสตร์โลกนี้ไม่ก็โลกอื่น โดยมีหนุ่มน้อยน่ารักผมสีบลอนด์สลวยเป็นผู้เชื่อมโยงเรื่องราวและนำมาซึ่งบทสรุปแสนกินใจ เรื่องราวสำคัญที่เคยเกิดขึ้นจริงในโลกหลายเหตุการณ์ถูกนำมาเรียบเรียงใหม่ตามแนวคิดของ อ।ยามาชิตะ โดยเชื่อมโยงเข้ากับหนุ่มน้อยปริศนาผู้ชี้นำจนเหตุการณ์นั้นผ่านพ้นและกลายเป็นหน้าหนึ่งที่ถูกบันทึกไว้ตลอดกาล ไม่มีใครพูดถึงหนุ่มน้อยคนนี้เพราะเมื่อเขาจากไป ก็จะนำพาความทรงจำทั้งหมดไปด้วย บุคคลสำคัญของโลกหลายคนจึงเคยพบเขามาแล้วทั้งนั้นเพียงแต่จำไม่ได้เท่านั้นเอง

ความสามารถในการผูกเรื่องราวได้อย่างน่าเชื่อและการดำเนินเรื่องนำไปสู่บทสรุปแสนละเมียดคือ "กึ๋น" ของ อ.ยามาชิตะเลยค่ะ
มีตอนหนึ่งที่หนุ่มน้อยไปพบกับสามีภรรยาวัย 80 ปี ในบ้านญี่ปุ่นเรียบง่ายที่สะพรั่งด้วยต้นซากุระโปรยกลีบชมพูหวานงดงาม ทั้งสองเป็นคู่วิวาห์เหาะที่หนีตามกันมาในวันแต่งงานของฝ่ายหญิง เธอวิ่งหนีมาทั้งชุดกิโมโนสีขาวโดยไม่สวมรองเท้าและตัดสินใจเริ่มต้นชีวิตใหม่กับคนที่รัก แต่ในวันเริ่มต้นชีวิตใหม่ รถโดยสารที่ทั้งสองขึ้นกลับประสบอุบัติเหตุ นั่นคือจุดจบของจุดเริ่มต้นที่ทั้งสองคนไม่ต้องการ
เวลาผ่านมา 60 ปี หนุ่มน้อยผมทองถามถึงเรื่องราวชีวิตที่ผ่านมาซึ่งรูริโกะคุณป้าผู้เปี่ยมรอยยิ้มก็วิ่งไปหยิบอัลบั้มภาพถ่ายมาประกอบการเล่าอย่างภูมิใจ

แรกเริ่มหลังอุบัติเหตุ ทั้งสองคนใช้ชีวิตอยู่ที่โตเกียว ในบ้านหลังเล็กที่ต้นซากุระเพิ่งออกดอกตูม ไม่นานนักลูกสาวคนแรกก็ถือกำเนิด แต่ชีวิตที่ยังลุ่มๆ ดอนๆ ทำให้ทั้งสองลำบากไปพอสมควร แต่กระนั้นรูริโกะก็ยังส่งรูปถ่ายลูกสาวไปให้คุณพ่อคุณแม่ที่ต่างจังหวัดอย่างต่อเนื่อง ในที่สุด 4 ปีต่อมา คุณแม่ของรูริโกะจึงยอมมาพบที่โตเกียว คุณพ่อยังโกรธเรื่องที่หนีตามกันมาแต่ก็ยอมยกโทษให้เมื่อได้หลานชายอีกไม่กี่ปีให้หลัง

หนุ่มน้อยมองดูทั้งสองระลึกความหลัง 60 ปีที่ฝ่าฟันอุปสรรคมาด้วยกันและอยู่เคียงข้างกันจนแก่เฒ่า เขาถามตรงๆ ว่าต้องการอยู่ด้วยกันต่อไปไหม อยู่ด้วยกันในบ้านใต้ต้นซากุระโดยไม่แก่เฒ่าตลอดกาล แต่คำตอบของทั้งสองคนคือ "มนุษย์ไม่เลือกความเป็นอมตะหรอก"

สิ้นสุดคำพูด ทั้งสองก็หายไปท่ามกลางกลีบซากุระโปรยปราย และภาพที่เห็นในหน้าสุดท้ายคือรถโดยสารประสบอุบัติเหตุตกเขาท่ามกลางกลีบซากุระ โดยมีร่างไร้วิญญาณของทั้งสองคนในวัย 20 ปีจากไปอย่างสงบที่นั่น

ไม่รู้ไปกระตุ้นต่อมอะไรในตัวค่ะ แต่อ่านตอนนี้ทีไรน้ำตาร่วงทุกที (อ่านมา 5 รอบแล้ว น้ำตาหยดทุกรอบ) สิ่งที่นำเสนอมาตลอดคือความปรารถนาในเสี้ยววินาทีสุดท้ายเมื่อรถโดยสารกำลังจะตกเขาและทั้งสองคนรู้ตัวว่ากำลังจะต้องตาย พวกเขาไม่ต้องการให้วันเริ่มต้นชีวิตกลายเป็นวันสุดท้ายที่ได้หายใจ และหนุ่มน้อยคนนั้นได้ขยายภาพฝันในเสี้ยววินาทีให้กลายเป็นความทรงจำ 60 ปีที่ไม่ได้มีแต่ความสุข แต่เป็นชีวิตของคู่รักธรรมดาที่เกิดมาเพื่อดูแลครอบครัวและตอบแทนคุณพ่อแม่

หันกลับมาถามตัวเองว่าถ้าต้องตายวันนี้จะมีสิ่งใดที่ติดค้างในใจบ้าง กลับไม่ใช่เรื่องงานที่ตะบี้ตะบันทำจนลืมนอน ไม่ใช่เงินทองหรือหนังสือการ์ตูนที่ยังอ่านค้างไม่จบ แต่เป็นใบหน้าของคนในครอบครัวทุกคนที่เรายังไม่ได้เริ่มต้นทดแทนบุญคุณเลยด้วยซ้ำ เพียงเท่านี้ก็เหมือนดอกซากุระตูมในใจค่อยๆ บานออกทีละน้อย

Wonder Boy เป็นการ์ตูนที่ทำให้มองเห็นความงามของหัวใจมนุษย์จริงๆ ค่ะ

ไม่มีความคิดเห็น: