26 ตุลาคม 2551

Casshern Sins ซุปเปอร์ฮีโร่ Retro ส่งท้ายปี [2]

คอลัมน์ มหัศจรรย์การ์ตูน
โดย วินิทรา นวลละออง

ครั้งก่อนได้แนะนำให้รู้จักแอนิเมชั่นฉายทางโทรทัศน์ในซีซั่นส่งท้าย ปี 2008 ซึ่งเป็นที่จับตามองเรื่องหนึ่งค่ะ นั่นคือ "Casshern Sins" ซึ่งนำเอาการ์ตูนแนวซุปเปอร์ฮีโร่ Retro (ย้อนยุค) ในช่วงยุค 70s มาปัดฝุ่นทำใหม่ ท่ามกลางแรงกดดันสองอย่าง

อย่างแรกคือ ฉบับแอนิเมชั่นดั้งเดิมที่จำหน่ายเป็น OVA (Original Video Animation คือขายเป็นตลับวิดีโอ VHS แต่ไม่ได้ฉายทางโทรทัศน์) ในปี 1973 ทำไว้ได้คลาสสิคอยู่แล้ว ถ้าครั้งนี้ทำออกมาเน่ากว่าของเก่ามีหวังโดนสวดยับแน่นอน

แรงกดดันอีกอย่างหนึ่งคือ ฉบับภาพยนตร์คนแสดง (Live-action movie) ซึ่งสร้างในปี 2004 ไม่ได้ชวนให้นึกถึงวันเก่าๆ เท่าไร แม้ตัวหนังโดดๆ จะดีแต่นักวิจารณ์บางท่านให้ความเห็นว่าเป็นหนึ่งในภาพยนตร์ดัดแปลงจากการ์ตูนคลาสสิคที่แย่ที่สุดเรื่องหนึ่งเท่าที่เคยสร้างมาเลยทีเดียว ประเด็นของหนังมุ่งไปที่ความรู้สึกนึกคิดของตัวเท็ตสึยะก่อนจะกลายเป็นคัชชาน แต่ด้วยความหลวมของพล็อตและไม่เหลืออะไรให้คิดถึงฉบับดั้งเดิมเลย เนื้อเรื่องคนละแนวและหมวกเรโทรสุดเท่ กลายเป็นหมวกกันน็อคประหลาด หนังจึงอาจประสบความสำเร็จ แต่ก็ไม่เพียงพอที่จะประดับชื่อ Casshern ลงไป เพราะเหมือนไม่ใช่ Casshern ค่ะ

ดังนั้น มาเดากันดีกว่าว่า Casshern Sins ฉบับแอนิเมชั่นฉายทางโทรทัศน์ปลายปี 2008 จะมาแรงแซงทุกเรื่องในช่วงสิ้นปีนี้ หรือจะตกม้าตายแบบฉบับภาพยนตร์กันแน่

เริ่มจากเนื้อเรื่องก่อนค่ะ เหตุการณ์ในเรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อเหล่าหุ่นยนตร์กลายเป็นผู้คุมกฎของโลก เมื่อมนุษย์ก็ทนไม่ไหวจึงขอร้องให้เด็กสาวลึกลับนามว่า "ลูน่า" มาช่วยปลดปล่อยเหล่ามนุษย์จากหุ่นยนต์ เบรคิงบอสจึงส่งไซบอร์กที่ทรงพลังที่สุด 3 คนไปเก็บเธอ หนึ่งในนั้นคือคัชชาน! โอ้...เป็นพล็อตที่น่าสนใจมากค่ะ ผลคือคัชชานฆ่าลูน่าสำเร็จ (อ้าว...นางเอกภาคก่อนไม่ใช่เหรอ) และประชากรมนุษย์ก็ลดลงจนกำลังจะสูญพันธุ์หลายร้อยปีผ่านไปเมื่อมนุษย์แทบไม่เหลือบนโลก หุ่นยนตร์เองก็ลำบากเหมือนกัน เพราะแม้จะไม่ตาย แต่สิ่งเดียวที่ทำลายหุ่นยนตร์ได้คือ "สนิม" ! แล้วจู่ๆ คัชชานก็ปรากฏกายขึ้นอีกครั้ง หลังจากหายหน้าไปนาน ไม่มีใครพบเขาอีกเลยหลังเขาฆ่าลูน่า แต่วันหนึ่งเขาก็ปรากฏตัวขึ้นมาโดยจำไม่ได้ว่าตัวเองเป็นใคร สิ่งเดียวที่เขารู้คือเขาชื่อ "คัชชาน" เพราะหุ่นยนตร์ทุกตัวที่เจอเขาต้องไล่ฆ่าเขาและพูดแต่ว่า "ฆ่าคัชชาน"

การต่อสู้ครั้งใหม่ของเขาจึงไม่ใช่เพื่อโลกนี้หรือเพื่อมวลมนุษย์ แต่เป็นการต่อสู้เพื่อตามหาความทรงจำของตัวเอง เป็นการเดินทางย้อนไปในอดีต แต่ตัวเขาอาจกลายเป็นอนาคตของบางคนอย่างคาดไม่ถึงในท้ายที่สุดก็ได้

ต้องยกนิ้วให้ค่าย Madhouse และทีมผู้สร้างที่ตีโจทย์การรีเมค (remake) การ์ตูนคลาสสิคได้แตกค่ะ แม้จะดำเนินรอยตามฉบับภาพยนตร์ ซึ่งมุ่งโฟกัสไปที่ความรู้สึกนึกคิดของคัชชาน แต่ก็ไม่ได้ทิ้งหรือทำให้ความคลาสสิคของฉบับดั้งเดิมเสียไปแม้แต่น้อย อย่างแรกคือ "ชุด" ขอสารภาพว่าครั้งแรกที่เห็นชุดของคัชชานภาคนี้ ถึงกับอมยิ้มแก้มป่องเลยค่ะ ก็เล่นใช้ชุดบอดี้สูทรัดติ้วกับหมวกซุปเปอร์ฮีโร่ยุค 70s บ่งบอกความโบราณเสียขนาดนั้น เลยเดาว่าเนื้อเรื่องต้องแก่สนิทแน่นอน แต่ผิดคาดค่ะ เนื้อเรื่องในตอนที่หนึ่ง ซึ่งฉายเมื่อต้นเดือนตุลาคม 2008 ทำได้กลมกล่อมมาก ผสมความคลาสสิคและร่วมสมัยอย่างลงตัว การมุ่งไปที่คัชชานไม่ได้ลดทอนความยิ่งใหญ่ของเนื้อเรื่องสงครามหุ่นยนตร์กับมนุษย์ แต่กลับเป็นแนวการเล่าเรื่องในอีกมุมมองหนึ่งที่น่าสนใจ

ลายเส้นและแอคชั่นที่ออกมาให้อารมณ์แบบเซนต์เซย่าผสมการ์ตูนของโมโต ฮากิโอะ ปรมาจารย์การ์ตูนผู้หญิงไซไฟแฟนตาซีของญี่ปุ่นค่ะ จึงเรียกแขกได้ทั้งชายหญิงในวัยรุ่นจนถึงวัยอายุสี่สิบกว่าเลยทีเดียว ลายเส้นที่ใช้เป็นแบบ G-pen หรือปากกาคอแร้งค่ะ! แต่เมื่อผสานกับการลงสีด้วยคอมพิวเตอร์สไตล์สีน้ำโปร่งแสง งานย้อนยุคก็กลายเป็น Retro เก๋ไก๋ขึ้นมาทันที

หากจะเปรียบ Casshern Sins กับแฟชั่นก็คงเหมือนแฟชั่น Retro ที่ฮิตกันตอนนี้ ไม่ใช่ว่าเราจะหยิบเสื้อของคุณแม่สมัยวัยรุ่นมาใส่แล้วจะเกิดนะคะ เราต้องเลือกหยิบชิ้นที่เหมาะกับเราเอามาแต่งอีกสไตล์หนึ่งให้ดูทันสมัยกว่าเดิม แน่นอนว่ามีของสมัยใหม่เข้าไปแจมด้วยก็ไม่ผิดค่ะ เพียงแต่ต้องประสานกับของเดิมอย่างลงตัวและมีเอกลักษณ์เท่านั้นเอง

บางทีการ์ตูนไทยอาจยิ่งใหญ่ขึ้นมาได้ถ้ารู้จักสร้าง "เทรนด์" ขึ้นมาแบบนี้ค่ะ

วันที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2551 ปีที่ 31 ฉบับที่ 11187 มติชนรายวัน

ไม่มีความคิดเห็น: